สตรอว์เบอร์รี่เคลือบช็อกโกแลต
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
หากคุณชื่นชอบในรสชาติหวานอมเปรี้ยวของสตรอว์เบอร์รีอยู่แล้ว คิดว่าสูตรทำสตรอว์เบอร์รีเคลือบช็อกโกแลตที่เรานำมาฝากในวันนี้ น่าจะโดนใจคุณไม่น้อยเลย เพราะนอกจากจะได้ลิ้มลองรสชาติหวานอมเปรี้ยวจากผลสตรอว์เบอร์รีแล้ว ยังมีรสชาติและกลิ่นหอมของช็อกโกแลตหลากหลายชนิดแถมมาด้วยทั้งดาร์กช็อกโกแลต ช็อกโกแลตนม และไวท์ช็อกโกแลต ว่าแล้วตอนนี้เราก็ตามไปดูวิธีการสตรอว์เบอร์รีเคลือบช็อกโกแลตกันเลยดีกว่า
ขั้นตอนการเตรียม
1. ปูกระดาษไขบนพื้นผิวที่ต้องการจะทำ
2. นำสตรอว์เบอร์รีออกมาวางไว้ในอุณภูมิห้องปกติ
3. ล้างสตรอว์เบอร์รีด้วยน้ำเย็นแล้วซับให้แห้งด้วยกระดาษทิชชู พร้อมกับวางทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนใช้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้สตอรว์เบอร์รีฉ่ำน้ำจนเกินไป
4. เตรียมส้อม หรือไม้จิ้มฟันไว้สำหรับจิ้มสตรอว์เบอร์รีขณะชุบ
สตรอว์เบอร์รีเคลือบดาร์กช็อกโกแลต หรือช็อกโกแลตนม
สิ่งที่ต้องเตรียม
ดาร์กช็อกโกแลตหรือช็อกโกแลตนม หักเป็นชิ้นเล็ก ๆ 6 ออนซ์
วิปปิ้งครีมผสมนม (Half and half Cream) 3 ช้อนโต๊ะ
เนยสด 1/2 ช้อนโต๊ะ
สตรอว์เบอร์รี 20 ผล
วิธีทำ
1. นำช็อกโกแลตกับครีมใส่ภาชนะสำหรับตุ๋น แล้วนำไปตั้งบนหม้อที่มีน้ำเดือด ใช้ไม้พายคนส่วนผสมจนเข้ากัน
2. ตุ๋นช็อกโกแลตจนละลายเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นใส่เนยตามลงไป คนจนเนยละลายเข้ากันดี
3. จุ่มสตรอว์เบอร์รีลงไปในหม้อตุ๋นช็อกโกแลต ความสูงประมาณ 3/4 ของผลสตรอว์เบอร์รี จากนั้นนำผลสตรอว์เบอร์รี วางเอาไว้บนกระดาษไข นำไปแช่ทิ้งไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที จนกว่าจะถึงเวลาเสิร์ฟ
เคล็ดลับเพิ่มเติม
ก่อนจะนำไปแช่ในตู้เย็น อาจจะตกแต่งส่วนของช็อกโกแลตเคลือบ โดยการนำไวท์ช็อกโกแลตไปตุ๋น นำมาใส่หัวบีบ แล้วบีบโรยเป็นเส้น ๆ หรืออาจจะโรยด้วยไวท์ช็อกโกแลต เพื่อสร้างลวดลายให้ดูน่ากินยิ่งขึ้นก็ได้
สตรอว์เบอร์รีเคลือบไวท์ช็อกโกแลต
สิ่งที่ต้องเตรียม
ไวท์ช็อกโกแลตชิพ 2 ถ้วย
เนย 1/2 ถ้วย
สตรอว์เบอร์รี 24 ผล
วิธีทำ
1. นำไวท์ช็อกโลแลตชิพและเนยที่เตรียมเอาไว้ ใส่ลงไปในภาชนะสำหรับตุ๋น แล้วนำไปตั้งบนหม้อที่มีน้ำเดือด ใช้ไม้พายคนส่วนผสมจนเข้ากัน
2. จุ่มสตรอว์เบอร์รีลงไปในหม้อตุ๋นช็อกโกแลต ความสูงประมาณ 3/4 ของผลสตรอว์เบอร์รี จากนั้นนำผลสตรอว์เบอร์รี วางเอาไว้บนกระดาษไข นำไปแช่ทิ้งไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที จนกว่าจะถึงเวลาเสิร์ฟ
เคล็ดลับเพิ่มเติม
อีกหนึ่งวิธีสำหรับทำสตรอว์เบอร์รีเคลือบไวท์ช็อกโกแลตก็คือ นำเนยกับช็อกโกแลตชิพ ประมาณ 1/2 ถ้วย มาละลายในน้ำเดือด เสร็จแล้วใช้ช้อนตักขึ้นมาราดลงสตรอว์เบอร์รี จากนั้นนำไปแช่ทิ้งเอาไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาทีหรือจนกว่าช็อกโกแลตจะแข็งตัว
สตรอว์เบอร์รีเคลือบไวท์ช็อกโกแลตลายทักซีโด
สิ่งที่ต้องเตรียม
ไวท์ช็อกโกแลตที่ตุ๋นแล้ว 8 ออนซ์
ช็อกโกแลตชิพ 1 1/2 ถ้วย
สตรอว์เบอร์รี 20 ผล
วิธีทำ
1. นำสตรอว์เบอร์รีชุบลงไปในไวท์ช็อกโกแลตที่ตุ๋นแล้วจนเกือบถึงขั้วด้านบน แล้ววางทิ้งไว้กระทั่งช็อกโกแลตแข็งตัว
2. ตุ๋นช็อกโกแลตชิพจนละลายเข้ากันดี จากนั้นนำผลสตรอว์เบอร์รีข้างต้นมาจุ่มลงไปทีละข้าง โดยเริ่มจากด้านหลังแล้วค่อย ๆ หมุน จนเหลือด้านหน้าเอาไว้เป็นรูปตัววี "V"
3. จากนั้นนำช็อกโกแลตชิพละลายใส่ลงในถุงบีบแล้ววาดตกแต่งเป็นรูปกระดุมและโบว์ จากนั้นนำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 30 นาที ก่อนจะนำมาเสิร์ฟ
เคล็ดลับสุดพิเศษ
1. ไม่ควรตุ๋นช็อกโกแลตด้วยความร้อนสูง เพราะจะทำให้ช็อกโกแลตไหม้ และมีรสขม
2. ใช้ผลสตรอว์เบอร์รีคนช็อกโกแลตขณะที่จุ่มลงไปในหม้อ จะทำให้ช็อกโกแลตเกาะกับสตรอว์เบอร์รีได้ดียิ่งขึ้น
3. ถือผลสตอว์เบอร์รีเอาไว้จนกว่าช็อกโกแลตที่เหลือจะไหลลงไปในหม้อ ก่อนจะนำไปวางบนกรดาษไข
4. ถ้าช็อกโกแลตเริ่มหนืดในขณะที่คุณกำลังชุบสตรอว์เบอร์รี ให้นำไปละลายด้วยความร้อนอีกครั้ง
5. ถ้าไม่สะดวกที่จะละลายช็อกโกแลตด้วยวิธีการตุ๋น สามารถละลายด้วยไมโครเวฟ ด้วยความร้อนต่ำ นานประมาณ 30 วินาที ไม่ควรใช้ความร้อนสูงเกินไป หรือนำช็อกโกแลตใส่โหลแก้วแล้วนำไปวางไว้ในหม้อที่มีน้ำเดือดก็ได้
6. ในกรณีที่คุณละลายช็อกโกแลตด้วยวิธีการตุ๋น ไม่ควรให้น้ำกระเด็นขึ้นมาปะปนกับช็อกโกแลต เพราะจะทำให้ช็อกโกแลตนำไปใช้งานไม่ได้
7. คุณอาจจะโรยหน้าช็อกโกแลตเคลือบด้วยถั่วบด ขนม หรือลูกอมเม็ดเล็ก ๆ เพื่อเพิ่มสีสันด้วยก็ได้
8. ควรใช้ความระมัดระวังอย่างมากในขณะที่แกะสตรอว์เบอร์รีออกจากกระดาษไข อาจจะใช้มีดที่บางและคมช่วยดึงสตรอว์เบอร์รีขึ้นมาจากกระดาษไข
9. หลังจากการทำควรรับประทานให้หมดภายในวันเดียวกัน (หรือภายใน 12 ชั่วโมง)
10. คุณนำสามารถนำสูตรข้างต้นไปใช้กับผลไม้ชนิดอื่น ๆ ก็ได้ อย่างเช่น เชอร์รี กล้วย หรือสับปะรด เป็นต้น
สตรอว์เบอร์รีนอกจากจะรับประทานแบบสด ๆ ได้แล้ว คุณยังสามารถเลือกเพิ่มเติมรสชาติให้แตกต่างด้วยการเคลือบช็อกโกแลตได้อีกด้วย อย่างไรก็ลองเลือกทำตามความชอบได้เลยนะคะ สามารถนำไปทำเป็นของขวัญสุดพิเศษได้อีกด้วยนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น